บ้านเกิด ‘บัวขาว บัญชาเมฆ’ ขึ้นเวทีระดับโลก แต่ไม่เคยลืมถิ่นกำเนิด..!!

เงินเก็บ 1 ห้องยังไม่พอแต่ยอมจ่าย 25 ล. เพื่อลูก บ้านเกิดที่อีสาน ‘บัวขาว บัญชาเมฆ’ ดำนา-หาปลา ไม่ทาครีมกันแดด-เพื่อเลี้ยงดูครอบครัว.

สำหรับแฟนกีฬามวยไทยในบ้านเราและทั่วโลก ไม่มีใครที่จะไม่รู้จักแชมป์มวยไทยคนนี้ “บัวขาว บัญชาเมฆ” หรือชื่อจริง ร้อยโท สมบัติ บัญชาเมฆ.



ปัจจุบันอายุ 40 ปี มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลกจากกีฬามวยไทย บัวขาว สามารถทำรายได้จำนวนมากจากการแข่งขันมวยไทย



ซึ่งรายได้ส่วนมากนั้นมาจากการชกที่ต่างประเทศ นอกจากจะเป็นนักกีฬามวยไทย บัวขาว ยังเคยแสดงภาพยนตร์ไทยเนื่อง ซามูไร อโยธยา



และเคยเป็นแชมป์รายการแข่งขันมวยไทย ไทยไฟท์ ในรุ่น 70 กิโลกรัม ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นนักกีฬามวย แต่ครั้งหนึ่งบัวขาวเคยเป็นนักกีฬาฟุตบอล



ให้กับไทยลีค 2 กับสโมสร อาร์แบค ในปี 2014 ตำแหน่งศูนย์หน้า ปัจจุบันนอกจากเปิดค่ายสอนมวยไทย บัวขาวยังรับราชการทหๅร



ที่โรงเรียนกำลังสำรอง หน่วยบัญชๅกๅรรักษาดินแดนและจบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยรัตนบัณฑิต ชีวิตส่วนตัวเวลาว่างจากการทำงาน



สุดแสนจะเรียบง่าย ใช้ชีวิตในวิธีท้องทุ่งนาจับปลา ทำสวน ปลูกต้นไม้ หลังจากที่ถือเป็นข่ๅวใหญ่เมื่อกลางปีที่ผ่านมา



เมื่อ “เก๋” น.ส.อัญวีณ์ ภรรยาของ นายสมบัติ บัญชาเมฆ หรือ บัวขาว บัญชาเมฆ นักมวยดังชาวไทย ได้ออกมาเรียกร้องกๅรรับผิดชอบเรื่องบุตรสาว



พร้อมทั้งเรียกค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตร หลังจากฝ่ายหญิงอ้างว่าบัวขาวพยายามตีตัวออกห่างและไม่สนใจครอบครัว



ซึ่งจากข้อมูลก่อนหน้านี้นั้น บัวขาว และนางสาวอัญวีณ์ อยู่กินแบบไม่จดทะเบียนมาตั้งแต่ปี 2556 กระทั่งปี 2558 ก็มีบุตรสาวด้วยกัน



โดยทั้งสองคนร่วมกันตั้งชื่อว่า “น้องมีตังค์” มีการรับรองในใบสูติบัตรว่า บัวขาว เป็นบิดา นางสาวอัญวีณ์ เป็นมารดา รวมถึงยังให้ใช้นามสกุล บัญชาเมฆ และพามาอยู่ด้วยกันในปี 2559



แต่ต่อมาด้วยภาระที่ บัวขาว ต้องเดินทางไปมาหลายประเทศ และมีกิจการดูแลค่ายมวย ทำให้เริ่มเหินห่างกับภรรยาและบุตร



โดยเฉพาะในช่วง 2 ปีหลัง ที่แทบไม่ได้ส่งเสีย หรือช่วยเหลือเรื่องค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงดู ทำให้นางสาวอัญวีณ์ แทบจะต้องเลี้ยงดูบุตรตามลำพัง



และเพื่อความสะดวกในการดำเนินการต่างๆ จึงมาขอให้พิจารณามีคำสั่งให้ บัวขาว รับรองบุตรสาว และเรียกร้องค่าอุปการะเลี้ยงดู



ซึ่งการเจรจาจบลงด้วยดี ทั้งสองฝ่ายหันหน้ามาคุยกันเพื่อบุตรสาว และบรรยากาศการเจรจาคุยกันด้วยเหตุผลเป็นหลัก โดยมุ่งเน้นเรื่องของการร่วมกันดูแลบุตรสาวเป็นสำคัญ ทั้งเรื่องของการศึกษา และการอุปการะเลี้ยงดู