สธ.ย้ำ ล็อกดาว น์ ต้องงดออกจากบ้า น งดเดินทางข้ามจังหวั ด

Share:


เมื่อวันที่ 25 ก.ค. นพ.จักรรัฐ พิทยาวงศ์อานนท์ ผอ.กองระบาดวิทยา กรมควบคุมโร ค กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวถึงมาตรการป้องกันโร คในช่วงล็อกดาวน์ 14 วัน ว่า ยังยืนยัน 2 งด คือ งดออกจากบ้านทุกกรณี แต่หากจำเป็นต้องซื้อหาอาหาร ไป รพ. ไปพบแพทย์ที่จำเป็น ต้องมีมาตรการป้องกันตนเองและคนอื่นด้วยระหว่างเดินทาง และงดเดินทางข้ามจังหวัด




หากจำเป็นต้องไปรับการรักษาต่อที่ภูมิลำเนา ต้องเน้นการลงทะเบียนและแจ้ง รพ.ปลายทางให้ทราบ ผู้รับผิดชอบปลายทางให้ทราบ เช่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน อสม. เพื่อกักตัวให้ครบถ้วน




เมื่อถามว่าหากยังควบคุมโร คไม่ได้ จำเป็นต้องใช้มาตรการควบคุมโร คเข้มงวดแบบอู่ฮั่นโมเดลหรือไม่ ละคาดว่าประเทศไทยจะอยู่ภาวะตัวเลขรายใหม่หมื่นกว่ารายนานแค่ไหน นพ.จักรรัฐกล่าวว่า สถานการณ์ตอนนี้ที่ประกาศตามข้อกำหนดฉบับปัจจุบัน สถานการณ์ที่เรารับมือคือติดเชื้อรายใหม่หมื่นกว่ารายต่อวัน




มาตรการที่สำคัญคืองดเดินทางข้ามจังหวัด งดออกจากบ้าน ออกเท่าที่จำเป็น และทำงานที่บ้านสูงสุด ซึ่งใกล้เคียงกับอู่ฮั่นแล้ว ซึ่งปิดทุกอย่างหมด เพราะฉะนั้นสถานการณ์ตอนนี้คาดว่าจะยังพบผู้ติด CV-19 จำนวนมาก และเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในต่างจังหวัดที่มีรายงานผู้ติดเชื้ อในครอบครัวและกลับจากพื้นที่ระบา ดหนัก กทม.และปริมณฑลไปรักษาต่อ


ถ้าดูสถานการณ์ตอนนี้ใน กทม.และปริมณฑลจะมีความแตกต่างกันบ้าง โดย กทม.ตัวเลขเพิ่มไม่เยอะและช่วงนี้มีการฉี ดวั คซี นไปมากพอสมควรแล้ว 50 กว่า % โดยสรุปสถานการณ์ใน กทม.อาจจะเริ่มเห็นสถานการณ์ที่คงตัวมากขึ้น หรืออาจจะดีขึ้นได้ใน 4-6 สัปดาห์ข้างหน้า ส่วนต่างจังหวัดจะพบผู้ติดเชื้ อจำนวนมากต่อในระยะนี้ ต้องร่วมมือกันเพื่อไม่ให้ไปถึงอู่ฮั่นโมเดลที่ต้องปิดทุกอย่าง เราอยากจะให้ทุกคนกลับมาใช้ชีวิตปกติสุขโดยเร็ว




ดังนั้น การร่วมมือกันเพื่อลดการแพร่กระจายเชื้ อ หรือการแพร่จากครอบครัวหนึ่งไปสู่อีกครอบครัวหนึ่งให้ได้มากที่สุด ตอนนี้ช่วยกันอยู่บ้านให้มาก เพื่อคนที่เรารัก และงดการเดินทางข้ามจังหวัด ไปซื้อหาอาหาต้องระวัง สร้างความปลอดภัยตนเอง ป้องกันตนเองตลอดเวลา เสมือนคนรอบข้างเราติดเชื้ อแล้ว บางคนกังวลมากอาจมีภาวะเครีย ด อยากให้โทรปรึกษากรมสุขภาพจิ ต สำหรับสถานประกอบการโรงงานสำคัญต้องทำ Bubble and Seal อยู่ในโรงงานเท่านั้นไม่กระจายสู่ชุมชน




ช่วงนี้อยู่ในสถานการณ์ค่อนข้างวิกฤตทั้งใน กทม.ปริมณฑล และ 3 จังหวัดภาคกลางที่เป็นพื้นที่สีแดงเข้ม ต้องช่วยกันทำให้เราลดการติดเชื้ อแพร่กระจายลง และจะได้คาดการณ์ว่าใน 2 สัปดาห์นี้เมื่อตัวเลขลดลงเรื่อยๆ




อาจจะมีการผ่อนคลายได้มากขึ้น การช่วยกันงดออกจากบ้าน ป้องกันตนเองและคนในบ้าน สงสัยติดเชื้ อรีบไปตรวจด้วยชุดตรวจที่มีบริการในหลายๆ จุดใน กทม. ติดตามข่าวสารในส่วนนี้ ถ้าป่ว ยแล้วก็ต้องรีบดูแลตัวเองมากขึ้น เมื่อตรวจแล้วอาจเข้าระบบการดูแลที่บ้านหรือชุมชนต่อไป นพ.จักรรัฐกล่าว

สำหรับปัญหาเรื่องเตียงรักษาสีแดงสีเหลืองใน รพ. ที่ผ่านมาขีดความสามารถรองรับการรักษาพยาบาล ประเทศไทยมีค่อนข้างจำกัด ไม่ได้สูงเหมือนยุโรปหรืออเมริกา ซึ่งเขาเองมีการระบาดยังรับมือค่อนข้างยาก



เพราะฉะนั้นการเพิ่มจำนวนเตียง แต่บุคลากรผลิตไม่ทัน อาจต้องแบกภาระในการกระจายบุคลากรไปทำงานในที่ต่างๆ จึงไม่สามารถเพิ่มจำนวนเตียงไม่ได้มากเท่าที่อยากให้เกิดขึ้น การบริหารจัดการให้คนป่ว ยน้อยไม่หนักต้องเข้าสีเหลืองสีแดง

ต้องทำให้น้อยที่สุด เพื่อให้เหมาะสมขีดความสามารถเรา กทม. และ ปริมณฑลเตียงคงเต็มมากจริงๆ แล้ว ต่างจังหวัดก็ช่วยผ่อนเบาไปพอสมควรที่ตั้งศูนย์รับกลับบ้าน เพียงแต่ว่าการระบาดในต่างจังหวัดอาจเป็นภาระให้บุคลากรทางการแพทย์ในต่างจังหวัดต่อเนื่องหลังจากนี้




เพราะฉะนั้นตอนนี้ต้องช่วยรณรงค์หยดแพร่กระจายเชื้ อมากที่สุด ไม่ให้ไปสู่ผู้สูงอายุและโร คเรื้ อรังที่ป่ว ยแล้วมีโอกาสรุ นแร งต้องใช้เตียง รพ.เพิ่มขึ้นและเวลานาน ทำตัวเองให้ปลอดภัย ครอบครัวปลอดภัย

อย่างไรก็ตาม สธ.ย้ำ ช่วงล็อกดาวน์ ยังต้องงดออกจากบ้าน งดเดินทางข้ามจังหวัด อย่าให้ระบา ดมากขึ้นจนต้องปิดทุกอย่างแบบอู่ฮั่นโมเดล

No comments