
วันที่ 26 ก.ค.64 รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ อาจารย์คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความทางเฟซบุ๊กแสดงความคิดเห็นถึงแนวทางแก้ปัญหา CV-19 ความว่า มองย้อนกลับไป 4 สัปดาห์ก่อนจนถึงเมื่อวานนี้ ไทยเรามีจำนวนการติด CV-19 ใหม่ในแต่ละสัปดาห์เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

หากคิดเฉพาะจำนวนที่ติด CV-19 ภายในประเทศ จะพบว่าเพิ่มจาก 38,550 - 53,099 - 66,892 - 93,818 คน คิดเป็นอัตราการเพิ่มถึง 37.74%, 25.97%, และ 40.25% ตามลำดับ ไม่มีติดลบ มีแต่บวกเพิ่มทั้งสิ้น
ยิ่งหากดูลักษณะการกระจายของจำนวนผู้ติด CV-19 ทั่วประเทศ จะพบว่าจำนวนจังหวัดที่มีผู้ติดแต่ละวันมากกว่า 50 คนนั้นก็มากขึ้นอย่างต่อเนื่อง

หากดูเฉพาะเดือนนี้ก็จะเห็นว่า จังหวัดที่มีสีแดง (100 คนต่อวัน) และสีส้ม (51-100 คนต่อวัน) มีสัดส่วนเพิ่มขึ้นชัดเจน
จาก 1 กรกฎาคมจนถึงวันนี้ 26 กรกฎาคม 2564 จำนวนจังหวัดสีแดงสีส้มโดยเฉลี่ยแต่ละสัปดาห์คือ 18 จังหวัด 33 จังหวัด 43 จังหวัด และวันนี้ 57 จังหวัด (ถ้าเฉลี่ยแค่ 5 วันคือ 22-26 กรกฎาคม = 54 จังหวัด) เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

บัดนี้สีแดงและสีส้มครอบคลุม 57 จากทั้งหมด 77 จังหวัด คิดเป็น 74% หรือสามในสี่ของประเทศ นี่คือหลักฐานที่ชี้ให้เห็นว่ามาตรการที่ดำเนินการมานั้นไม่เพียงพอที่จะจัดการกับสถานการณ์การระบา ดของประเทศในขณะนี้วิ่งไล่ตามไม่มีทางทัน
หวังจะพึ่งผลจากวั คซี น แบบที่พยายามประโคมข่าวนั้น บอกตรงๆ ว่าหวังได้ยาก เพราะจำเป็นต้องใช้วั คซี นที่มีประสิทธิภาพสูง ฉี ดครอบคลุมคนจำนวนมากในทุกพื้นที่ และกว่าจะเห็นผลก็ใช้เวลานานหลายเดือน ความสูญเสียจากการติด และเสี ยนั้นจะมากเกินกว่าที่จะยอมรับได้ จำเป็นต้องตัดวงจรการระบา ดให้ได้
ไม่มีทางอื่นนอกจาก Full national lockdown 4 สัปดาห์ พร้อมปูพรมตรวจอย่างต่อเนื่อง โดยต้องเตรียมเรื่องระบบสนับสนุน ประคับประคอง เยียวย าให้พร้อม
ความท้าทายที่ต้องจัดการให้ได้ในระดับพื้นที่คือ การหาสถานที่แยกกักผู้ป่ว ยแต่ละประเภท ทั้งไม่มีอาการ มีอาการน้อย และอาการรุ นแร ง โดยจัดระบบดูแลรักษาตามทรัพยากรที่มีในแต่ละพื้นที่ สำคัญคือเรื่องการสื่อสาร ประสานระหว่างหน่วยงานกับประชาชน

วัดและโรงเรียนทั่วประเทศอาจจำเป็นต้องได้รับการพิจารณาจัดเตรียมสถานที่ไว้ล่วงหน้า ไม่รอจวนตัว อาจต้องขอความช่วยเหลือจากพระภิกษุและคุณครูในการทำหน้าที่เป็นครู ก. ครู ข. และกำกับดูแลในแต่ละสถานที่ เพราะบุคลากรสาธารณสุขไม่สามารถดูแลได้อย่างถ้วนทั่วในยามที่ระบาดขยายตัวมากขึ้นและต่อเนื่องเช่นนี้
ถ้าปล่อยให้ศึกยืดยาวแบบนี้ต่อไป โดยตัดวงจรการระบา ดไม่ได้ ไตรมาสสุดท้ายของปีจะเป็นภาวะที่ยากลำบากมากสำหรับประชาชนและประเทศ

โดย นพ.ธีระ ระบุด้วยว่า สถานการณ์ของไทยตอนนี้ มีจำนวนติด CV-19 ใหม่สูงเป็นอันดับ 9 ของโลก มีจำนวนติดสะสมพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว ล่าสุดอันดับ 47 และคาดว่าอีก 2 วันจะแซงซาอุดิอาระเบียได้ มีผู้ป่ว ยรุ นแร งและวิกฤติมากเป็นอันดับที่ 8 และมีคนดั บไปกว่า 4,000 คน จำนวนต่อวันตอนนี้สูงเป็นอันดับที่ 13 ของโลก

หากดูข้อมูลการติดรายวัน จะพบว่าสัดส่วนการติดใหม่นั้นอยู่ในต่างจังหวัด 59% และกทม.กับปริมณฑล 41% ตัวเลขนี้มีความสำคัญมากในยามที่ จำนวนติดใหม่ สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพราะหมายถึงสิ่งที่มีแนวโน้มจะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้คือ ระบบสาธารณสุขในต่างจังหวัดจะต้องรับมือเคสจำนวนมาก
รวมถึงเคสที่รุ นแร งและวิกฤติที่จะมากขึ้นเป็นเงาตามตัว โดยต้องการทรัพยากรที่จำเป็นทั้งคน เงิน อุปกรณ์ป้องกัน อุปกรณ์ทางการแพทย์สำหรับการรักษาผู้ป่ว ยหนัก และสถานที่ หากโครงสร้างพื้นฐานในต่างจังหวัดมีไม่เพียงพอ จะเกิดปัญหาหนักตามมา ทั้งติดเชื้ อในโรงพยาบาล และจำนวนการเสี ยที่จะสูงขึ้นได้อย่างรวดเร็ว

ณ จุดนี้ เรื่องสำคัญที่สุดคือ สถานพยาบาลจำเป็นต้องมีนโยบายเพื่อดูแลป้องกันบุคลากรในทุกระดับอย่างเต็มที่ ต้องรู้ลิมิตที่จะรับและจัดการได้ ทำทุกทางอย่าให้เกิดการติดเชื้อภายในสถานพยาบาลทั้งจากการทำงานและการใช้ชีวิตประจำวันของบุคลากร เพราะจะเกิดผลกระทบมากมายตามมา ทั้งต่อตัวบุคลากรเอง ครอบครัว เพื่อนร่วมงาน ผู้ป่วย และประชาชน

หากจัดระบบบริการใดขึ้นมา ขอให้เน้นสวัสดิภาพและความปลอดภัยเป็นหลัก วิเคราะห์ช่องโหว่และความเสี่ย งให้ดี มิฉะนั้นต่อให้เรามีบุคลากรมากเท่าใด ก็จะไม่เพียงพอกับความสูญเสียที่จะเกิดขึ้น ถ้าป้องกันตัวได้ดี ก็จะมีกำลังช่วยประชาชนได้มากในระยะยาว

<ประเมินสถานการณ์แล้ว จำเป็นต้องพึ่งพาความร่วมมือระดับชุมชนมาร่วมกันจัดการปัญหาการระบา ดนี้ ทั้งเรื่องการป้องกันควบคุมโร ค รวมถึงการดูแลรักษาผู้ติดเชื้ อ เพราะระบบสาธารณสุขไม่มีทางรับมือได้โดยลำพัง

อย่างไรก็ตาม หมอธีระ ชี้ต้องล็อกดาวน์เต็มรูปแบบ 4 สัปดาห์ หลังไทยติด CV-19 พุ่งสูงอันดับ 9 ของโลก หวังผลจากวั คซี นตอนนี้คงยาก กว่าจะเห็นผลใช้เวลาหลายเดือน
ขอบคุณ Thira Woratanarat
No comments